วันจันทร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2553

ภูมิปัญญาไทย

ภูมิปัญญาไทย
ภูมิปัญญาสาขาการแพทย์แผนไทย

สมุนไพรไทย

"สมุนไพร ไทยนี้ มีค่ามาก พระเจ้าอยู่หัว ทรงฝาก ให้รักษา
แต่ปู่ย่า ตายาย ใช้กันมา ควรลูกหลาน รู้รักษา ใช้สืบไป
เป็นเอกลักษณ์ ของชาติ ควรศึกษา วิจัยยา ประยุกต์ใช้ ให้เหมาะสมัย
รู้ประโยชน์ รู้คุณโทษ สมุนไพร เพื่อคนไทย อยู่รอด ตลอดกาล "

พระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ฯ

จังหวัดสุโขทัยมีหมอพื้นบ้านที่มีความรู้เรื่องการรักษาโรคด้วยสมุนไพรหลายท่าน เช่น นายณรงค์ มาคง นายสุข พลาวงศ์ นายโดย เณรเอี่ยม นายบุญธรรม พัฒนเจริญ พระครูสังฆรักษ์สน ปิยสีโล เจ้าอาวาสวัดวังตะคร้อ ตำบลหนองหญ้าปล้อง อำเภอบ้านด่านลายหอย ฯลฯ
ที่จังหวัดสุโขทัยมีการปลูกสมุนไพร ณ ที่ต่างๆ กัน เช่น

1.สวนป่าสมุนไพร วัดวังตะคร้อ บ้านหนองจิกกรี ตำบลหนองหญ้าปล้อง อำเภอบ้านด่านลายหอย เริ่มดำเนินการเมื่อปี พ.ศ.2537 โดยการนำของพระครูสังฆรักษ์สน ปิยสีโล เป็นโครงการปลูกสมุนไพรเพื่อการศึกษามีเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ มีพืชสมุนไพรกว่า 600 ชนิด ใช้เป็นที่ศึกษาดูงานของชมรมแพทย์แผนไทยสวรรคโลก นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งผลิตวัตถุดิบส่งโรงพยาบาลสวรรคโลก และเป็นที่ศึกษาดูงานแก่บุคคลที่สนใจทั่วไป
2. บ้านสมุนไพร ตำบลหนองหญ้าปล้อง อำเภอบ้านด่านลานหอย จำนวน 40 บ้านโดยทางวัดวังตะคร้อได้ขยายการผลิตวัตถุดิบไปยังชุมชนใกล้เคียง โดยการปลูกสมุนไพรบ้านละ 3 ชนิด เช่น ลูกยอ บอระเพ็ด เพชรสังฆาต กระเพราขาว ฟ้าทะลายโจร กระชาย ไพร ทำให้ชาวบ้านมีรายได้อีกทางหนึ่งด้วย
3.อุทยานแห่งชาติรามคำแหง อำเภอคีรีมาศ ในพื้นที่อุทยานมีสวนลุมพินีวันปลูกว่านและสมุนไพรหลายร้อยชนิดให้ศึกษา เช่น หอมไกลดง นางคุ้ม อบเชย หนุมานประสานกาย หนุมานนั่งแท่น สบู่เลือด เพชรหน้าทั่ง เสน่ห์จันทน์ รางจืด กระวาน กำลังเสือโคร่ง เลือดค้างคาว ฯลฯ

โครงการสมุนไพรครบวงจร หมู่ 4 ปากแคว อำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย

โปรดระวัง

ระวังโรคภัยจากที่สาธารณะ

ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสถานที่สาธารณะ ไม่ว่าจะเป็น ห้องน้ำสาธารณะ ตู้โทรศัพท์สาธารณะ หรือแม้แต่ สระว่ายน้ำสาธารณะ ก็มักจะมีผู้คนมากหน้า หลายตา แวะเวียนไปใช้บริการเป็นจำนวนมาก และด้วยจำนวนคนที่มากมายก่ายกองนี่เอง สถานที่เหล่านี้จึงกลายเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคติดอันดับต้นๆ ที่มี ให้คุณเลือกหลายชนิดหลายแบบ สำหรับสถานที่สาธารณะที่น่าจะมีโผติด 3 อันดับสถานที่ที่มีเชื้อโรคมากที่สุด ก็น่าจะเป็นสถานที่ทั้ง 3 แห่งที่กล่าวมาข้างต้น เราลองมาดูสิว่า ทั้ง 3 สถานที่นั้นคุณจะเจอเชื้อโรคอะไรบ้าง

เชื้อโรคจากโทรศัพท์สาธารณะ

ตู้โทรศัพท์สาธารณะเป็นสถานที่ที่เราสามารถรับเชื้อได้โดยตรงจากการสัมผัสเชื้อ­โรค เชื้อที่เราจะได้พบเจอในตู้โทรศัพท์สาธารณะ คือ
- เชื้อไข้หวัดทั้งหลาย ซึ่งถ้ามีน้ำมูกแล้วน้ำมูกไปติดอยู่ที่ตัวเครื่องรับโทรศัพท์ หรือบริเวณรอบๆตู้โทรศัพท์ หากเชื้อเหล่านี้ยังมีชีวิตรอดอยู่หลายชั่วโมง และผู้ใช้โทรศัพท์เหล่านั้นไปสัมผัสจับต้องสารคัดหลั่งดังกล่าว แล้วนำมาป้ายโดนจมูกก็มีโอกาสติดเชื้อได้
- วัณโรค ซึ่งตามทฤษฎีแล้ว จะไม่ติดจากการสัมผัสในการใช้โทรศัพท์ แต่จะเกิดการติดเชื้อได้จากการไอหรือจาม ซึ่งจะได้รับเชื้อโดยการสูดหายใจเข้าไปโดยตรง
- เชื้อเริม ติดต่อจากการสัมผัสโดยตรง ซึ่งถ้าผู้ป่วยเริมมีแผลอยู่แล้วไปใช้โทรศัพท์ เมื่อคนที่มาใช้โทรศัพท์คนต่อไปไปจับต้องเชื้อไวรัส แล้วใช้มือขยี้ตาหรือป้ายโดนปากโดนน้ำลาย ก็มีโอกาสที่จะติดเชื้อเหล่านั้นได้
- หูด เป็นเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่สามารถติดต่อได้จากการสัมผัสโดยตรง เพราะฉะนั้นผู้ใช้บริการโทรศัพท์สาธารณะก็จะมีโอกาสติดเชื้อนี้ได้
- โรคแอนแทรกซ์ เป็นโรคที่สามารถติดต่อได้ง่าย ซึ่งเคยมีข่าวว่าคนอเมริกันได้รับจดหมาย แล้วสัมผัสเอาสปอร์ของเชื้อโรคแล้วเป็นโรคนั้นได้ ถ้าได้ไป สัมผัสโดยตรงหรือสูดหายใจเอาสปอร์ที่อยู่บริเวณนั้นเข้าไป ก็มีอาการเป็นโรคได้ง่ายๆอย่างไรก็ตาม โอกาสในการติดเชื้อจากการใช้บริการของโทรศัพท์สาธารณะนั้นไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ แต่ต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่างด้วยกัน ขึ้นอยู่กับปริมาณเชื้อว่ามีปริมาณมากหรือน้อย และเชื้อดังกล่าวที่อยู่ในบริเวณนั้นตายไปแล้วหรือยัง ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีรายงานว่ามีผู้ป่วยติดเชื้อจากการใช้โทรศัพท์สาธารณะ ส่วนใหญ่ถ้าเป็นไข้หวัดก็จะติดจากบุคคลอื่นที่เป็นหวัดอยู่แล้ว ซึ่งอาจจะติดจากเพื่อนร่วมงาน จากบุคคลใกล้ตัวหรือโรงภาพยนตร์ที่มีผู้คนแออัด

การป้องกันการติดเชื้อจากโทรศัพท์สาธารณะ

- ระหว่างการใช้โทรศัพท์ อย่าใช้มือป้ายตา ป้ายปาก ป้ายจมูก
- ระวัง! ไม่นำกระบอกโทรศัพท์มาแนบปากจนเกินไป
- ให้รีบล้างมือทันทีหลังจากใช้โทรศัพท์แล้ว เพราะเชื้อเมื่อออกมาจากตัวผู้ป่วยแล้วยังอยู่ได้หลายชั่วโมงหรือเป็นวัน

เชื้อโรคจากห้องน้ำสาธารณะ

การใช้บริการห้องน้ำสาธารณะ มีความเสี่ยงในการติดโรคได้เช่นกัน เพราะห้องน้ำสาธารณะส่วนใหญ่ไม่ค่อยสะอาด และมีโอกาสที่จะติดโรคได้ เช่น เริม ซึ่งพิสูจน์ยากว่าติดต่อจากการใช้บริการห้องน้ำสาธารณะ เพราะโรคนี้จะติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นส่วนใหญ่ ถ้าผู้ใช้บริการห้องน้ำสาธารณะมีแผลเริมอยู่ ถ้าเป็นแผล เปิดและเมื่ออีกคนเข้าไปใช้ต่อทันที ก็มีสิทธิ์ที่จะติดเชื้อได้นอกจากนี้ยังมีเชื้อโรคอื่นๆ เช่น อหิวาตกโรคหรือไข้รากสาด ถ้าคนที่เข้าห้องน้ำถ่ายอุจจาระแล้วไม่ได้ล้างมือให้สะอาด เกิดมีอุจจารปนเปื้อนบริเวณมือ เมื่อมือไปจับก๊อกน้ำหรือจับลูกบิด คนที่ไปจับต่อมาแล้วไปสัมผัสโดนปากหรือน้ำลายก็มีโอกาสได้รับเชื้อ เช่นกัน ยิ่งหากเป็นห้องน้ำสาธารณะที่มีทั่วไปในกรุงเทพฯหลายๆ แห่งจะสกปรก ไม่มีน้ำให้ราดไม่มีกระดาษชำระหรือแม้แต่ถังทิ้งกระดาษชำระ ฉะนั้นจึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษด้วย การป้องกันการติดเชื้อจากห้องน้ำสาธารณะ ในปัจุบัน คนส่วนใหญ่ได้ใส่ใจกับสุขภาพอนามัยมากขึ้นรู้จักล้างมือและชำระล้างสิ่งสกปรกหร­ือเชื้อโรคจากร่างกาย ก่อนที่จะมาสัมผัสกับส่วนต่างๆ ของร่างกาย ขยี้ตา หรือจับปาก จับ จมูก ต้องล้างมือให้สะอาดเรียบร้อยก่อน ก็จะช่วยป้องกันการติดเชื้อได้

เชื้อโรคจากสระว่ายน้ำสาธารณะ

โรคที่เราจะได้ตามมาจากสระว่ายน้ำสาธารณะคือ ติดเชื้อในช่องคลอดจากการ ว่ายน้ำ ในสระว่ายน้ำที่ไม่สะอาดและไม่ได้มาตรฐาน ถึงแม้ว่ามีการใช้ยาฆ่าเชื้อโรค เช่น คลอรีนก็ตามก็สามารถที่จะติดเชื้อโรคได้เช่นกัน แต่หากเป็นสระว่ายน้ำมาตรฐานจะมีระบบกรองน้ำ มีการไหลเวียนถ่ายเทน้ำ มียาฆ่าเชื้อโรคใส่ไว้ในปริมาณที่เหมาะสม ร่วมกับรังสีและความร้อนจากแสงแดดทำให้น้ำในสระสะอาดและปลอดภัย เพราะฉะนั้น การเล่นน้ำในสระว่ายน้ำเหล่านี้จะมีความปลอดภัยกว่าโรคเกี่ยวกับอวัยวะเพศ หรือ ช่องคลอดจากการว่ายน้ำ ที่พบบ่อย คือ อาการอักเสบของเยื่อบุปากช่องคลอด ผู้ป่วยเหล่านี้ หลังจากว่ายน้ำแล้ว จะมีอาการแสบๆ ที่ปากช่องคลอด โดยเฉพาะเมื่อปัสสาวะไหลมาถูกบริเวณนั้น บางคนมีอาการตกขาวร่วมด้วยเมื่อตรวจภายในก็พบมีอาการอักเสบของเยื่อบุช่องคลอดอ­ย่างชัดเจน แต่ตรวจไม่พบเชื้อที่เป็นสาเหตุที่จะทำให้เกิดโรคได้ พวกนี้สาเหตุมักเกิดจากการแพ้คลอรีนที่มีอยู่ในน้ำโดยเฉพาะอย่างยิ่ง น้ำที่มีคลอรีนในอัตราส่วนที่เข้มข้นเกินไป โรคที่เกิดในช่องคลอดทเคยพบเนอื่ งมาจากการวายนำในสระ ไดแก่โรคพยาธิในช่องคลอด และ โรคเชื้อราเพราะเชื้อพยาธิและเชื้อรา สามารถอยู่ในน้ำสะอาดที่มีคลอรีนที่เจือจางได้นานอย่างน้อย 30 นาที เมื่อมีโอกาสเข้าไปในช่องคลอดของนักว่ายน้ำได้ ก็จะทำให้เกิดอักเสบตกขาว และคันบริเวณอวัยวะเพศและช่องคลอดได้ แต่บางคนก็ไม่มีอาการ ส่วนเชื้อกามโรคอื่นๆ เช่น หนองในแท้ หนองในเทียม ซิฟิลิส และโรคเริม ไม่เคยพบมีรายงานที่แน่ชัดว่ามีผู้ป่วยติดเชื้อเหล่านี้มาจากการว่ายน้ำธรรมดาๆ เพราะเชื้อหนองในแท้และหนองใสิ่งสำคัญขณะที่เล่นน้ำ ไม่ควรให้น้ำเข้าปาก เพราะเชื้อโรคบางชนิดอาจมีอยู่ในน้ำได้ เช่น โรคท้องร่วง และตับอักเสบ เป็นต้นสระว่ายน้ำบางแห่งไม่ได้รับการดูแลเท่าที่ควร มีกระเบื้องแตกหรือชำรุดอยู่ในสระ เมื่อว่ายน้ำไปถูกกระเบื้องเหล่านี้บาดจนเป็นแผล อาจจะกลายเป็นแผลเรื้อรังขนาดใหญ่ได้ในบางครั้ง ซึ่งแผลเหล่านี้ มักจะเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ที่เรียกว่า Mycobacterium marinum เชื้อนี้ทำให้เกิดแผลเรื้อรังคล้ายแผลที่เกิดจากเชื้อวัณโรคผิวหนังได้ แผลนี้รักษาค่อนข้างยาก แต่หายได้

การป้องกันการติดเชื้อจากสระว่ายน้ำสาธารณะ

1. ปฏิบัติตามกฏเกณฑ์ของสระว่ายน้ำโดยเคร่งครัด เช่น อาบน้ำให้สะอาดทุกครั้งก่อนลงสระ ไม่บ้วนน้ำมูกหรือน้ำลายลงในสระ เป็นต้น
2. นักว่ายน้ำควรได้รับการตรวจร่างกายอย่างละเอียด เจาะเลือดตรวจดู ภาวะภูมิคุ้มกันโรคและโรคที่มีอยู่ในร่างกาย ถ้าพบโรคใด เช่น โรคซิฟิลิส ก็ควร รักษาเสีย ถ้าขาดภูมิต้านทานโรค ควรรับการฉีดวัคซีนให้เรียบร้อยก่อน โดย เฉพาะโรคตับอักเสบ เป็นต้น หญิงที่แต่งงานแล้วหรือหญิงสาวที่มีอายุมากกว่า 25 ปี ควรได้รับการตรวจภายในปีละครั้ง เพื่อตรวจรักษาโรคบางชนิดที่มีอยู่ใน ช่องคลอดแต่ไม่มีอาการให้หมดไปเสีย อย่างน้อยก็ได้รับการตรวจหามะเร็ง ระยะแรกเริ่ม
3. เมื่อมีสิ่งผิดปกติเกิดหลังจากว่ายน้ำแล้ว ควรรีบไปรับการตรวจจากแพทย์ และควรงดเล่นน้ำในระยะนี้
4. ไม่ควรให้น้ำเข้าปาก
5. ไม่ควรใช้เครื่องนุ่งห่มหรือของใช้ส่วนตัวร่วมกัน 6. สระน้ำและน้ำในสระ ควรได้รับการตรวจบำรุงไม่ให้มีสิ่งบกพร่อง ที่ อาจทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย และเสี่ยงต่อการติดเชื้อของนักว่ายน้ำ

แม้จะเป็นสถานที่ที่อุดมไปด้วยเชื้อโรคมากมาย แต่หากเราสามารถที่จะ ป้องกันตนเองจากเชื้อโรคเหล่านี้ได้ ปัญหาที่
กล่าวมาคงจะไม่เกิดขึ้น

เรื่องของวัยรุ่น

จริงหรือที่วัยรุ่น “ลํ้าหน้า” ในเรื่องเพศ?
จากการทำงานเรื่องเพศศึกษากับกลุ่มเยาวชน มักได้ยินผู้ใหญ่ที่ดูแลเยาวชนบ่นถึงพฤติกรรมของเด็กให้ฟังบ่อยๆ ว่า
“เด็กเดี๋ยวนี้ใจกล้าขึ้น” หรือ “เรื่องเพศนี่ไม่ต้องไปสอนหรอก เด็กรู้ยิ่งกว่าเราอีก” ฯลฯ
คำถามที่น่าสนใจคือ จริงหรือที่เด็กๆ “ลํ้าหน้า” ในเรื่องเพศ?...
แต่ไหนแต่ไรมา เรา “ถูกกำหนด” ให้เป็น “ผู้หญิง” หรือ “ผู้ชาย” ตามคำสั่งสอนที่จำแนกคนตามอวัยวะเพศ
ถ้าเป็นหญิงก็ “อย่าให้ท่าผู้ชาย” “ต้องเป็นแม่บ้านแม่เรือน มีหน้าที่เลี้ยงดูลูก”
หากเป็นชายก็ “ต้องเป็นช้างเท้าหน้า” “ต้องแสวงหาประสบการณ์ทางเพศ”
ถ้าลองสังเกตคำสอนเหล่านี้จะเห็นว่า เพศหนึ่งถูกกดลง และอีกเพศหนึ่งถูกเชิดชูขึ้น
ทว่าที่ใดมีแรงกด ที่นั่นย่อมมีแรงต้าน กดทางโน้น มันก็จะไปโป่งอีกทาง
นอกจากนั้น คำสอนเหล่านี้ก็ขัดแย้งกันเองอย่างไร้เหตุผล เช่น พรหมจรรย์เป็นสิ่งที่ต้องสงวนไว้ให้กับชายที่รักและเป็นคู่ชีวิต ขณะที่ผู้ชายก็ถูกบอกให้แสวงหาประสบการณ์ทางเพศให้มากๆ
แล้วพรหมจรรย์-ที่ถูกบอกว่ามีคุณค่าแก่ลูกผู้หญิงทั้งหลาย-จะเป็นยังไงได้เล่า ลูกผู้หญิงทั้งหลาย จะมีมุมมองต่อคุณค่าของตัวเองได้อย่างไร?
มาตรฐานของสังคมเช่นนี้แทรกซึมในทุกระบบ จนมาถึงยุคสมัยที่เปลี่ยนไป การเรียนรู้ของคนไม่ได้ถูกจำกัดจากแหล่งใดแหล่งหนึ่งเหมือนเมื่อก่อน ผู้คนเลือกเสพย์สื่อได้แค่ปลายนิ้ว
กรอบที่กำหนดและเคยเป็นเครื่องมือในการควบคุมเรื่องเพศในอดีต ก็ถูกปะทะกับความคิด ความเชื่อ ของคนรุ่นใหม่อย่างรุนแรง
ในที่สุด “ภาพลักษณ์” ของวัยรุ่นยุคนี้จึงถูกสร้างขึ้นว่า กล้าพูด กล้าแสดงความรัก ความพึงพอใจทางเพศอย่างเปิดเผย มีความสัมพันธ์ทางเพศเร็วขึ้น ง่ายขึ้น และมากขึ้น
อย่างไรก็ตามหากพิจารณากรอบแนวคิดเดิมในเรื่องเพศ ที่ควบคุมให้วัยรุ่นมีเพศสัมพันธ์เฉพาะกับคนรัก ไม่ใช่กับใครก็ได้ เพื่อมอบสิ่งที่ถูกบอกว่า “ควรเก็บไว้” ให้กับคนรัก ก็เป็นไปได้ใช่ไหมที่วัยรุ่นจะตีความว่า “ในเมื่อคบใคร ก็ล้วนแต่รักและจริงใจนี่ ผิดตรงไหนล่ะ?”
ประกอบกับความรักเห็นได้ง่ายขึ้นทางทีวี นิตยสาร ฯลฯ และการเป็นหนุ่ม-สาวที่ไม่ผ่านการ “สมรส” ที่มีช่วงชีวิตที่ยาวขึ้น หลอมรวมให้วัยรุ่นในสังคมยุคปัจจุบันเกิดความสับสนและกลายเป็นการต่อต้านกับกรอบเดิม
ผู้ใหญ่จึงตามไม่ทัน และวัยรุ่นจึง “ถูกมอง” ว่าเป็นตัวปัญหาของสังคม เพราะกำลังทลายกรอบมาตรฐานเรื่องเพศที่มีมาอย่างยาวนานลง
ผู้ใหญ่คงต้องกลับมาถามตัวเองว่า ทำไมคุมพฤติกรรมทางเพศของเด็กไม่ได้? ความเชื่อแบบเดิมๆ ที่หวังจะคุมคน มันต้องมีเหตุผลและวิธีที่เนียนและใหม่กว่าหรือไม่?
และอาจต้องถามตัวเองให้ชัดๆ ว่า เราห่วงเด็ก หรือห่วงอำนาจที่ไม่สามารถควบคุมเด็กได้กันแน่..
.

ประวัติส่วนตัว


ชื่อ นายพยุง
นามสกุล อิ่มแมน
วันเดือนปีเกิด 26/12/2524
ที่อยู่ ต.บึงวิชัย อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ 46000
สีที่ชอบ สีฟ้า,สีเหลืองอ่อน,สีดำ
อาหารที่ชอบ อาหารที่เป็นเส้น

แนะนำสาวสวยหนุ่มหล่อ


สวัดดียุงมาแล้ว